เนื้อหา
พายุไซโคลนเป็นหนึ่งในภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อันตรายและอันตรายที่สุดที่สามารถเกิดขึ้นได้ พวกเขารับผิดชอบต่อการเสียชีวิตทั่วโลกประมาณ 1.9 ล้านคนตลอดสองศตวรรษที่ผ่านมาและคาดว่าพายุนี้จะมีผู้เสียชีวิตปีละ 10,000 คน พายุไซโคลนมีแนวโน้มที่จะสร้างความเสียหายมากที่สุดในพื้นที่ชายฝั่งทะเลซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าพวกมันเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์และกำจัดกระแสน้ำในป่า
ลมแรง
ผลกระทบจากพายุไซโคลนที่แพร่หลายและอาจเข้าใจได้ดีที่สุดคือลมแรง ในความเป็นจริงลมแรงเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อการทำลายล้างของพายุไซโคลน โดยทั่วไปแล้วลมระดับต่ำจะมีความแข็งแกร่งทางด้านขวาของพายุไซโคลนในซีกโลกเหนือ แต่ความแรงของลมมีแนวโน้มที่จะแปรผันอย่างมากไม่ว่าจะเกิดพายุไซโคลนที่ใด ลมพายุไซโคลนที่รุนแรงสามารถสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ 25 กม. ในระบบขนาดเล็กและสูงถึง 500 กม. ในระบบที่ใหญ่กว่า เป็นที่ทราบกันว่าวินด์สจะทำลายอาคารขนาดเล็กและทำลายอำนาจให้กับคนหลายพันคน
พายุทอร์นาโด
พายุทอร์นาโดมักจะไม่เกิดขึ้นในภูมิภาคเขตร้อนเดียวกันกับที่พายุไซโคลนมักจะมีผลต่อพายุทอร์นาโดส่วนใหญ่มักเกิดจากพายุในบริเวณชายฝั่งและเกาะต่างๆ พวกเขาอาจพบได้บ่อยกว่าคนเคยเชื่อ พายุทอร์นาโดที่เกิดจากพายุไซโคลนมักจะไม่ได้รับรายงานในภูมิภาคเช่นแคริบเบียน แต่บางรูปแบบความเสียหายแนะนำว่าพวกเขาเกิดขึ้นบ่อยครั้ง พายุทอร์นาโดสามารถบรรลุความเร็วลมสูงถึง 480 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและสามารถยืดได้มากกว่า 3 กิโลเมตร พายุทอร์นาโดพายุไซโคลนมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในขอบด้านนอกของก้อนเมฆ eyewall ในด้านขวาของระบบพายุ
ฝนและน้ำท่วม
พายุฝนฟ้าคะนองที่เกิดขึ้นในระบบไซโคลนทำให้เกิดฝนตกหนัก - ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่โคลนถล่มและแผ่นดินถล่ม น้ำท่วมครั้งนี้มีแนวโน้มที่จะรุนแรงมากขึ้นและการทำลายล้างภายในประเทศเนื่องจากการเตรียมการที่ไม่ดี แม้ว่าปริมาณน้ำฝนนี้สามารถทำลายได้มากและเสียค่าใช้จ่ายหลายล้านดอลลาร์ในความเสียหาย แต่ฝนในระบบพายุไซโคลนขนาดเล็กจะมีประโยชน์จริง ๆ เมื่อมีปริมาณน้ำฝนที่จำเป็นสำหรับพื้นที่แห้ง
พายุพายุ
การเพิ่มขึ้นของพายุเป็นความผิดปกติของน้ำที่เกิดขึ้นระหว่างพายุไซโคลน คลื่นที่อาจก่อให้เกิดหายนะเกิดขึ้นได้ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลซึ่งมีภูมิประเทศเป็นแนวราบซึ่งทำให้เกิดน้ำท่วมได้ โดยทั่วไปคลื่นพายุจะเป็นอันตรายต่อพายุไซโคลนมากที่สุดซึ่งส่งผลให้เกิดพายุไซโคลนเขตร้อนถึง 90 เปอร์เซ็นต์ เมื่อรวมกับลมแรงคลื่นพายุสามารถสร้างคลื่นขนาดใหญ่ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมและการทำลายล้าง